วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565
วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565
คำถามที่พบบ่อย
เราคือ Online Platform ทำหน้าที่เชื่อมต่อเพื่อให้เกิดการให้สินเชื่อ ระหว่างนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนมากกว่าทางเลือกในการลงทุนแบบเดิม กับกลุ่มบุคคลที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนและมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเหมาะสมมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ให้กับนักลงทุน เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขายฝากทรัพย์สินมากว่า 30 ปี
LandandCash มีหน้าที่นำเสนอข้อมูล ประสานงานกับบริษัทประเมินทรัพย์สิน ดูแลความถูกต้อวิธีคำนวณค่าธรรมเนียมและค่าบริการ
ผู้กู้ยืมสามารถคำนวณผ่านเว็ปไซต์กรมที่ดิน คลิกเลย
ขายฝาก
1.ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คิดตามเกณฑ์ของกรมสรรพากร
2.ค่าธรรมเนียมการโอน(ขายฝากมีลักษณะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์) 2% ของราคาประเมินกรมธนารักษ์
3.ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (ในกรณีผู้ขายฝากถือครองทรัพย์มาได้ไม่นาน)
4.ค่าคำขอ ค่าพยาน ตามเกณฑ์ของกรมที่ดิน
งและเป็นธรรมของสัญญา ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ ณ สำนักงานที่ดินเขตนั้นๆ
1. วิเคราะห์มูลค่าจากต้นทุน (Cost Approach)
วิธีการประเมิน
คือประเมินจากต้นทุนที่ใช้ไปในการก่อสร้าง การประมาณการต้นทุนในการสร้างอาคารทดแทนตามราคาปัจจุบัน (Present Value) แล้วหักลบด้วยค่าเสื่อมราคา (ถ้ามี) บวกด้วยมูลค่าตลาดของที่ดิน ก็จะได้มูลค่าของทรัพย์สินนั้นมักใช้ควบคู่ไปกับวิธีการเปรียบเทียบตลาดหรือใช้ในกรณีที่ไม่สามารถประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบตลาดได้ เช่นในบริเวณข้างเคียงไม่มีทรัพย์สินที่มีลักษณะเดียวกัน ประกาศขายอยู่เลย
เหมาะกับ : อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เช่นตึกแถว ที่ไม่สามารถหาทรัพย์สินเปรียบเทียบที่เป็นประเภทและสภาพเดียวกันได้ในทำเลนั้นๆ
ตัวอย่าง:ประเมินอพาร์ทเม้นท์ อายุ10 ปีด้วยวิธีวิเคราะห์มูลค่าจากต้นทุน ถ้าจะต้องสร้างอาคารใหม่ในปัจจุบันจะต้องใช้เงิน 10 ล้านบาท หักค่าเสื่อม 20% (ปีละ 2% 10 ปี) ทำให้มูลค่าอาคารเหลือ 8 ล้านบาท เมื่อบวกด้วยมูลค่าตลาดของที่ดิน 10 ล้านบาท ก็เท่ากับว่ามูลค่าของที่ดินพร้อมโรงงานนี้คือ 18 ล้านบาท
2.เปรียบเทียบตลาด (Market Comparable Approach)
วิธีการประเมิน
หาราคาประเมินจากราคาของทรัพย์สินที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงกันและเป็นทรัพย์สินประเภทเดียวกันเช่นบ้านแฝดที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันตึกแถวจำนวนชั้นเท่ากันอยู่ในถนนเส้นเดียวกันโดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีสภาพคล้ายกันวิธีการประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบเป็นวิธีที่นิยมใช้ที่สุดในการหามูลค่าตลาด (Market Value) โดยจะพิจารณาจาก ทำเลที่ตั้ง ผังเมือง กฎหมายที่จำกัดสิทธิที่ดิน ขนาดแปลงที่ดิน ขนาดเนื้อที่ใช้สอยอาคาร คุณภาพอาคาร เป็นต้น จากนั้นจึงทำการวิเคราะห์เพื่อหามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ออกมา โดยอาศัยเทคนิคต่างๆ เช่น Sale Adjustment-Grid Method และ Weighted Quality Score (WQS) เป็นต้น
เหมาะกับ :การประเมินหามูลค่าอาคารที่อยู่อาศัย เพื่อขอสินเชื่อ
ตัวอย่าง: ประเมินราคาบ้านเดี่ยว 50ตรว. หมู่บ้านA หากมีบ้านเดี่ยว50ตรว.ก็เอาราคานั้นมาใช้อ้างอิงประเมินได้ ถ้าหากไม่มีบ้านขายอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน อาจเทียบเคียงจากหมู่บ้านข้างเคียง โดยบวกลบจากสภาพสิ่งแวดล้อม ส่วนกลางหมู่บ้าน
3.แปลงรายได้เป็นมูลค่า (Income Approach)
วิธีการประเมินมูลค่า
ราคาประเมินจะเท่ากับ การคำนวณกระแสเงินสดจากผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันของทรัพย์สิน
การประเมินมูลค่าด้วยวิธีผลตอบแทนทางตรง (Direct Capitalization) เหมาะสำหรับทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ยิ่งสร้างรายได้มาก มูลค่าของทรัพย์สินก็ยิ่งสูงขึ้น
เหมาะกับ :อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่นโกดังสินค้า ศูนย์การค้า โรงแรม
การประเมินค่าทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ หรือประเมินราคาในแง่ของการลงทุน เช่น อะพาร์ตเมนต์ หอพัก หรือศูนย์การค้า อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ยากต่อการหามูลค่าด้วยวิธีการเปรียบเทียบ
การขยายกำหนดเวลาไถ่สามารถทำได้
โดยผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากจะต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับซื้อฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน
ทำสัญญาขยายเวลาไถ่กี่ครั้งก็ได้แต่รวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 10ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก
ถ้าข้อตกลงขยายระยะเวลาไถ่ขายฝากไม่นำไปจดทะเบียนจะยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตมิได้
ระยะเวลาไถ่ขายฝากจะต้องจดทะเบียนไว้ที่โฉนด ณ กรมที่ดิน
กำหนดไว้1ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน10ปี ต้องของไถ่ถอนภายในกำหนดเวลาสัญญาขายฝาก หรือภายในเวลาที่กำหนด
การทำข้อตกลงขยายระยะเวลาไถ่ขายฝากจะต้องทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน
บทความ
เคสขายฝากโรงแรม,อพาร์ทเม้นท์,รีสอร์ท
ทาง Land and Cash ยินดีรับเคส ร่วมงานกับเอเจนท์ ในการปิดดีลเคสระดับตั้งแต่หลายสิบล้านถึงหลายร้อยล้าน
ขอบคุณ นายหน้าที่วางใจส่งเคส มาขายฝากผ่านกับทาง Land and Cash
Agent Welcome
ทาง Land and Cash ยินดีรับงานทั้ง จำนอง ขายฝากจากนายหน้าทุกท่าน
รับค่าคอมมิชชั่นสูงสุด 1.25%-5%
ส่งงานได้ที่
LineID: sippydowns
ปกติแล้วสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแรกๆ ที่หลายคนมักนึกถึงจะนึกถึงธนาคารเป็นแห่งแรก แต่จริงๆแล้วยังมีแหล่งช่องทางการเงินอื่นๆที่เช่นบุคคลธรรมดา/และบริษัท ที่ต่างก็ถูกต้องกฎหมายด้วยเช่นกัน Land and Cash จึงมาอธิบาการจำนองบ้านระหว่าง ธนาคาร กับ บุคคล ต่างกันอย่างไร
การจำนอง ก็คือ การที่บุคคลที่หนึ่ง เรียกว่า “ผู้จำนอง” นำอสังหาริมทรัพย์ของตน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ที่ดิน ฯลฯ ไปจดทะเบียนจำนองไว้กับสถาบันการเงินหรือบุคคล เรียกว่า “ผู้รับจำนอง” เพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ ตามระยะเวลาของสัญญาจำนอง ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน โดยผู้จำนองไม่ต้องส่งมอบอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นให้กับผู้รับจำนอง
การจำนองบ้านระหว่าง ธนาคาร
ข้อดีจำนองบ้านกับธนาคาร
• ธนาคารโดยปกติจะได้วงเงินอนุมัติ 80%- 100% ขึ้นไป ของราคาประเมิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบัน
• อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับนโยบายดอกเบี้ยแต่ละช่วงเวลา แต่มักจะ ต่ำกว่า 5% หรือถ้าเป็นสินเชื่อธุรกิจ ก็ไม่เกิน 10% ต่อปี
• ระยะเวลาการกู้สามารถกู้ได้นานกว่า 10 ปี
ข้อด้อยของการจำนองบ้านกับธนาคาร
• การจำนองบ้านกับธนาคารมักใช้เวลานานในการพิจารณาบางเคสเป็นเดือนกว่าจะอนุมัติ
• การจำนองบ้านกับธนาคารต้องใช้เอกสารเยอะเพราะต้องตรวจสอบเอกสารทางการเงิน
• การจำนองบ้านกับธนาคารจะพิจารณาอายุของผู้ด้วย ผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 55-60 ปี
• การจำนองบ้านกับธนาคารบังคับให้มีการตรวจสอบเครดิตบูโร
• การจำนองกับธนาคาร ธนาคารอาจจะบังคับให้ต้องมีผู้ค้ำประกัน
• การจำนองที่ดินเปล่า ธนาคารมักไม่อนุมัติ
การจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา
ข้อดีการจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา
• การจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา ใช้เวลารวดเร็วกว่ามาก สำหรับ Land and Cash
เรามีทีมประเมินและผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถอนุมัติวงเงินเบื้องต้นในบางเคสหากเอกสารพร้อม สามารถทราบวงเงินได้เร็วสุดใน 3 ชม.*
• การจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา ไม่ต้องเช็คเอกสารทางการเงิน ไม่ยุ่งยาก อายุเยอะก็สามารถกู้ได้ ไม่เช็คเครดิตบูโร ไม่ต้องมีคนค้ำ เพราะพิจารณาจากทรัพย์สินที่มาจำนองก็เพียงพอ
• การจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา ทำธุรกรรมที่กรมที่ดินจึงปลอดภัยหายห่วง
• ที่ดินเปล่า ไร้โครงการ สถาบันการเงินอื่นอาจมองไม่เห็นคุณค่า แต่ ที่ Land and Cash เรา ยินดีพร้อมให้คำปรึกษาและตอบโจทย์ลูกค้า ทำได้ กู้ง่าย ได้เงินไว
ข้อเสียการจำนองกับบริษัทเอกชน หรือ กับบุคคลธรรมดา
• วงเงินได้เพียง 20-40% ของราคาประเมินตลาด
• ดอกเบี้ยจะสูงกว่าการจำนองบ้านกับธนาคาร จะอยู่ที่ 1.25% ต่อเดือน หรือประมาณ 15% ต่อปี
เอกสารที่ต้องใช้ในการจำนองบ้าน ที่ใช้ในการติดต่อสำนักงานที่ดิน
หลักฐานสำหรับที่ดินและห้องชุด
— โฉนดที่ดิน/น.ส.3ก
— หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด
— หลักฐานการได้มาซึ่งที่ดิน
หลักฐานสำหรับบุคคลธรรมดา
• บัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริง (พร้อมสำเนา)
• สำเนาทะเบียนบ้านของตนเอง และของคู่สมรส ตัวจริง (พร้อมสำเนา)
• ทะเบียนสมรส (สำเนา)
• หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล ตัวจริง (พร้อมสำเนา)
• ทะเบียนหย่า , ใบมรณะบัตร (สำเนา)
• หนังสือยินยอมให้ทำนิติกรรมของคู่สมรส
• ใบขออนุญาติปลูกสร้าง (กรณีที่ไม่ใช่โครงการบ้านจัดสรรแต่เป็นบ้านที่ปลูกสร้างเอง)
• ใบปลอดค่าสาธารณูปโภค (ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ในกรณีเป็นอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมเท่านั้น)
หลักฐานสำหรับนิติบุคคล
• เอกสารก่อตั้งนิติบุคคล หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
• หนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับ วัตถุประสงค์
• หนังสือสำคัญการให้ทำการแทนนิติบุคคล
• บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นหรือสมาชิก โดยแสดงสัญชาติและจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นทุกคนที่นายทะเบียนสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทรับรองแล้วในปัจจุบัน
• บัตรประจำตัวของกรรมการหรือผู้แทนนิติบุคคล
• รายงานการประชุมของนิติบุคคล
• กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญมีวัตถุประสงค์ซื้อที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยนิติบุคคลนั้นมีคนต่างด้าวถือหุ้นหรือเป็นกรรมการ
– ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยต้องแสดงหลักฐานการประกอบอาชีพรายได้ที่มาของเงินซึ่งนำมาซื้อหุ้น
– กรณีนิติบุคคลซื้อที่ดินในราคาสูงกว่าทุนจดทะเบียนโดยไม่จำนองที่ดิน ต้องแสดงหลักฐานที่มาของเงินที่นำมาซื้อที่ดิน
ผู้กู้ยืม
ขายฝากกับนักลงทุนคุณภาพ
หาเงินทุนช่วยธุรกิจ ลดภาระดอกเบี้ย
การขายฝากที่ดินเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
ที่ต้องการเงินทุนฉุกเฉิน หรือขาดสภาพคล่องทางการเงิน
รวมถึงช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบที่ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมากให้แก่นายทุนนอกระบบ
เพียงเลือกนำโฉนดมาแลกเงินกับ Land and Cash ผู้นำด้านการให้บริการขายฝากที่ดิน
และให้คำปรึกษาด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท เชื่อมั่นได้หากนำโฉนดแลกเงินกับเรา
จะสามารถขายฝากที่ดินและนำเงินไปปลดหนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเราขายฝากดอกเบี้ยต่ำ
ทำให้ผู้ขายฝากมีเงินเหลือมาจ่ายเงินต้นได้ และไม่ต้องกลัวปัญหาการยึดทรัพย์อีกต่อไป
ขายฝากคืออะไร?
ขายฝาก คือ รูปแบบของการกู้ยืมเงินประเภทหนึ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดำเนินการจดทะเบียนกู้ยืมที่สำนักงานที่ดินของเขตที่นำโฉนดมาขายฝากที่ดิน โดยการใช้ที่ดินเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน ซึ่งการขายฝากที่ดินโฉนดต้องเป็น น.ส.4จ เท่านั้น หลังจากมีการตกลงทำสัญญาขายฝากที่ดิน เรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจะเป็นผู้ดำเนินการทำสัญญา ตรวจสอบความถูกต้อง และ สลักหลังโฉนดที่ทำการขายฝาก
การทำสัญญาขายฝากสามารถใช้ที่ดินหลายแปลงเข้าทำสัญญาร่วมกันได้เป็นสัญญาเดียว หรือจะทำสัญญาขายฝากแยกกันก็ย่อมได้เช่นกัน เมื่อครบสัญญาการขายฝากนั้น ผู้ขายฝากนำเงินมาไถ่ถอนโฉนดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ กรมที่ดินเดิม เจ้าหน้าที่จะทำการเปลี่ยนข้อมูลให้ผู้ขายกลับมาเป็นเจ้าของโฉนดดังเดิม ถือว่าการนำโฉนดแลกเงินเช่นนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำรอง สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของการขายฝากที่ดิน
1. การขายฝากที่ดินนั้น ผู้ขายฝากที่ดินส่วนใหญ่มักจะให้วงเงินสูงกว่าการกู้ในรูปแบบอื่น ๆ
2. การขายฝากที่ดินนั้นมีระยะเวลาในการไถ่ถอนที่สามารถยืดหยุ่นได้ ตามที่กฎหมายกำหนด
3. ผู้ขายฝากที่ดินนั้น จะได้รับดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
-
ผลตอบแทนสูงกว่า การันตีรับผลตอบแทน ตามสัญญา รับ 9% -12% ต่อปี สำหรับการรับขายฝาก รับ 12% -15% ต่อปี สำหรับการรับจำนอง จำกัดวงเงินที่ 40% - 6...